ประเทศไทย : ตัวเลขจำเลยและคำพิพากษาคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แตะ 100 คดี ในเวลาไม่ถึง 2 ปี

31/10/2023
Communiqué
en th
Lauren DeCicca / GETTY IMAGES ASIAPAC / Getty Images via AFP

ในเวลาไม่ถึง 2 ปี จำนวนของจำเลยและคำพิพากษาคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มียอดถึง 100 คดีแล้ว สหพันธ์เพื่อสิทธิมนุษยชนสากล (FIDH), ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (TLHR), สมาคมสิทธิและเสรีภาพของประชาชน (สสส.) และโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) กล่าววันนี้ คดีส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการที่จำเลยเข้าร่วมการชุมนุมที่เรียกร้องประชาธิปไตย และการแสดงออกทางการเมืองรวมถึงการโพสต์บนโลกออนไลน์

กรุงเทพฯ, ปารีส, 31 ตุลาคม 2566 อ้างอิงจากข้อมูลที่รวบรวมโดยศูนย์ทนายฯ ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 ถึง 30 ตุลาคม 2566 ศาลชั้นต้นส่งคำพิพากษาในคดีที่เกี่ยวข้องกับจำเลย 100 รายที่ถูกกล่าวหาตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาของประเทศไทย ในจำนวนนี้ จำเลยใน 79 คดีถูกตัดสินว่ามีความผิด และ 21 คดี ศาลมีคำสั่งยกฟ้อง อัตราการพิพากษาลงโทษอยู่ที่ 79% โดยโทษจำคุกที่นานที่สุดในช่วงเวลานี้คือ 28 ปี

“จำนวนคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกลับเข้าสู่ระดับที่น่าตกใจอีกครั้ง นายกรัฐมนตรีของไทยเคยกล่าวว่าเห็นชอบให้แก้ไขมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา ดังนั้นเขาควรทำทุกอย่างที่อยู่ในอำนาจเพื่อให้แน่ใจว่าการบังคับใช้จะไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน”

Adilur Rahman Khan, เลขาธิการ FIDH

ระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 ถึง 27 ตุลาคม 2566 มีบุคคลอย่างน้อย 259 ราย โดย 20 รายในจำนวนนี้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ถูกตั้งข้อหาภายใต้มาตรา 112 นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยที่มีชื่อเสียงบางคนเผชิญการดำเนินคดีภายใต้ข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหลายคดี ซึ่งอาจส่งผลให้มีโทษจำคุกสูงถึง 300 ปี

ขณะนี้มีบุคคลอย่างน้อย 16 รายที่ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกำลังถูกควบคุมตัว โดยหนึ่งรายอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี ; 2 รายเป็นเยาวชนถูกคุมขังในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน 10 รายที่กำลังอุทธรณ์คดี และ 3 รายกำลังรับโทษจำคุก โดยส่วนมากผู้ที่ถูกตัดสินความผิดคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 ไม่ได้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเนื่องจากพวกเขาได้รับการประกันตัวระหว่างการอุทธรณ์หรือศาลมีคำสั่งให้รอการลงโทษ

FIDH ศูนย์ทนายความฯ สสส. และ iLaw เรียกร้องให้รัฐบาลไทยแก้ไขมาตรา 112 เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทยภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) เรานึกถึงคำพูดของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2566 ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ว่ามาตรา 112 “เป็นปัญหาในการบังคับใช้” และ “จำเป็นต้องทบทวน […] เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง” [1] อีกวาระหนึ่ง คือ วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 นายเศรษฐา ระบุว่า ควรแก้ไขมาตรา 112 [2]

FIDH ศูนย์ทนายความฯ สสส. และ iLaw ยังย้ำข้อเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยกเลิกนโยบายและการดำเนินการปราบปรามของรัฐบาลชุดก่อน ๆ รวมถึงการงดเว้นการจับกุม การดำเนินคดี และการคุมขังบุคคลเพื่อการใช้สิทธิขั้นพื้นฐานที่จะมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกโดยสันติและถูกต้องตามกฎหมาย

ความเป็นมา

ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กำหนดโทษจำคุกสำหรับผู้ที่ดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานละเมิดมาตรา 112 จะต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ถึง 15 ปีในแต่ละกระทง

การดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพระลอกปัจจุบันเริ่มขึ้นในปลายเดือนพฤศจิกายน 2563 หลังจากที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นออกแถลงการณ์ยืนยันที่จะบังคับใช้ “กฏหมายทุกฉบับทุกมาตรา” ต่อแกนนำและผู้ชุมนุมที่เข้าร่วมในการประท้วงเพื่อประชาธิปไตยที่กินพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศไทยเมื่อปี 2563 ในระหว่างการชุมนุมมากมายนี้ ผู้ประท้วงได้ทำลายข้อห้ามทางการเมืองที่มีมายาวนานของประเทศไทย ด้วยการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์โดยตรงและเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันฯ

เป็นเวลากว่าทศวรรษแล้วที่กลไกติดตามสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (UN) ต่างแสดงความกังวลเกี่ยวกับการฟ้องร้องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของประเทศไทยและการบังคับใช้มาตรา 112 และยังเรียกร้องให้มีการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 ซ้ำแล้วซ้ำอีก

นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2555 คณะทำงานแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการกักขังโดยพลการ (WGAD) พบว่าการลิดรอนเสรีภาพของบุคคลเก้ารายที่ถูกควบคุมตัวภายใต้มาตรา 112 ถือเป็นการ “กระทำโดยพลการ” เนื่องจากฝ่าฝืนบทบัญญัติหลายบทของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (UDHR) และ ICCPR ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคี ผู้ต้องขัง 8 รายได้รับการปล่อยตัวหลังรับโทษจำคุก ขณะที่รายที่ 9 อัญชัน ปรีเลิศ ยังคงถูกคุมขัง หลังจากถูกตัดสินจำคุก 87 ปีในเดือนมกราคม 2564

Lire la suite